--------------------------------------------------------------------------------------------------
--- **นักเรียนเตรียมทหาร สามัคคี มีความรู้ คู่คุณธรรม
--------------------------------------------------------------------------------------------------



วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ชีวิตของ นักเรียนเตรียมทหารกว่าจะถึงดวงดาว

โรงเรียนเตรียมทหาร ชายหลายคนมุ่งมั่นสอบแข่งขันก้าวเข้าสู่การเป็น นักเรียนเตรียมทหาร แต่การรับสมัครบุคคลพลเรือนเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารนั้น โรงเรียนเตรียมทหารไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการสอบคัดเลือกนักเรียนเตรียมทหารเอง

แต่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ โรงเรียนนายเรืออากาศ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จะเป็นผู้ดำเนินการสอบคัดเลือก โดยจะมีการกำหนดจำนวนรับ นักเรียนเตรียมทหารในส่วนของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ละปีมีนักเรียน บุคคลกรกว่า 1 แสนคนทั่วประเทศเข้าร่วมสอบแข่งขัน แต่จะมีนักเรียนที่มีความสามารถ 1 ใน 100 เท่านั้นที่จะผ่านเข้าสู่...

"โรงเรียนลูกผู้ชาย"...!!!

จากนั้นแต่ละเหล่าทัพจะส่งผู้ผ่านการสอบคัดเลือกมาเรียนรวมกันที่โรงเรียนเตรียมทหาร เป็นเวลา 3 ปี เมื่อนักเรียนสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรของโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว จึงจะได้ศึกษาต่อในโรงเรียนเหล่าทัพตามที่นักเรียนได้สมัครและผ่านการสอบคัดเลือก

จากอัตราการสอบเข้าที่มีสัดส่วนการแข่งขันสูงมากทุกปี ทำให้โรงเรียนเตรียมทหารได้นักเรียนที่มีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากเป็นส่วนใหญ่ แต่นั้นไม่ได้แต้มต่อที่สำคัญ เมื่อนักเรียนอย่างเท้าเข้าในโรงเรียนเตรียมทหาร จะพบว่ากำลังอยู่ในเบ้าหลอมแห่งประสบการณ์ที่ไม่เคยได้พบมาก่อน พล.อ.ปิยะ สุวรรณพิมพ์ อดีตผู้บัญชาการท่านแรง แนะแนวทางสำหรับนักเรียนใหม่ว่า ต้องปลูกฝังชีวิตทหารเสียแต่เริ่มแรก ให้รู้สึกตัวว่าเป็นผู้น้อยสุด Senion to no one and Junior to all นักเรียนใหม่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำอะไรเองโดยได้ไม่สั่ง

เมื่อกว้าสู่โรงเรียนเตรียมทหารจะอยู่ในความดูแลของ พล.ต. พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร วันแรงของนักเรียนเตรียมทหารจะมีความวิตกเสมอ เพราะกิตติศัพท์ความหฤโหด จากการถูกซ่อม และถูกกดดัน ตามที่เคยได้ยินคำบอกเล่าต่อกันมา ความกังวลย่อมทวีคูณกับผู้ปกครองที่อาจเคยถูกรับน้องใหม่ เมื่อเป็นนักเรียนนิสิตนักศึกษา และไม่เคยปล่อยลูกให้เผชิญกับโลกภายนอก เลี้ยงดูกันแบบประคบประหงตามหลักจิตวิทยา นั้นเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง โรงเรียนเตรียมทหารเต็มไปด้วยความเข้มงวด และต้องอาศัยความอดทนอย่างสูงสุด ระบบการรับน้องใหม่ หรือ "ซ่อม" จะไม่เหมือนกับการรับน้องตามสถาบันต่างๆ เพราะรับน้องแบบนั้นเป็นแบบเฉพาะกิจ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และแฝงไปด้วยความสนุกสนาน

สภาพชีวิตของนักเรียนเตรียมทหาร เป็นสภาพชีวิตที่หนักหน่วง เหมาะสำหรับคนที่"ใจสู้" และมุ่งมั่นเท่านั้น ช่วงเช้าถึงบ่ายนักเรียนมีภาระหน้าที่ในการเรียนศึกษาวิชาการตามมาตรฐานของโรงเรียนในระดับมัธยมปลายทั่วไป ในเวลาอื่นจะมีแต่การฝึก ที่นี่ต้องสอนนักเรียนกันใหม่หมดทุกอย่าง การเปลี่ยนแปลงตัวเอง แม้แต่การยืน การเดิน การนั่ง การกิน การคิด ซึ่งอาจเป็นเรื่องจุกจิกหยุมหยิมจนน่าขัน แต่สำหรับที่เตรียมทหาร เราจะฉวยโอกาสทุกหนทาง เพื่ออบรมปลูกฝังนักเรียนให้คุ้มเคยกับกฎระเบียบที่เข้มงวด เพื่อสร้างวินัย และสร้างความแข็งแกร่งอันเป็นจุดเริ่มต้นขั้นพื้นฐานในการศึกษา หลังทฤษฎี และหลักปฎิบัติในเรื่องภาวะผู้นำที่จะมีการเรียนการสอนในโรงเรียนเหล่าแต่ละแห่งในโอกาสต่อไป

"เราสร้างความเป็นชายชาตรีผ่านความกดดันบีบคั้นทั้งทางกาย และจิตใจ เรามีการตรวจความเรียบร้อยของร่างกายตลอดเวลา ขณะเดียวกันเราก็ปลูกฝังคุณลักษณะที่ดีของสุภาพบุรุษ และมารยาทในโอกาสต่างๆ และต้องลงมือให้กระทำด้วยตนเอง เพื่อกลายเป็นนิสัยประจำวัน"พล.ต. พรพิพัฒน์ กล่าวและบอกอีกว่า

ตลอดเวลานักเรียนใหม่ต้องเผชิญกับสารพัดคำสั่งจากทุกทิศทาง มีเรื่องที่ต้องทำตามคำสั่งเป็นสิบเป็นร้อยเรื่อง นักเรียนต้องทำตามคำสั่งให้เสร็จและทำให้ดี ในเวลาที่มีจำกัด เมื่อสมองท่องจำว่า

"ทำไม่ได้ไม่มี"...!!!

ส่วนเรื่องของการลงโทษด้วยการให้ออกกำลังปรับปรุงสภาพร่างกายหรือซ่อม หรือการธำรงวินัย หมายถึงการลงโทษด้วยการให้ออกกำลังกายในท่าต่างๆ ที่ทางโรงเรียนพิจารณาแล้วว่าเป็นท่าที่เหมาะสมปลอดภัย และไม่ปล่อยให้ทำกันเองไร้เป้าหมาย โรงเรียนออกแบบระบบขั้นตอน และวิธีการให้มีการควบคุมกำกับดูแลตามสายการบังคับบัญชาโดยเคร่งครัด ไม่ใช่ให้นักเรียนแอบทำกันเอง

ระบบนี้มีไว้เพื่อการเปลี่ยนแปลงเด็กธรรมดาที่มาจากทั่วทุกสารทิศทั่วประเทศให้มีบุคลิกภาพอันเหมาะสมกับความเป็นทหารตำรวจด้วยวิธีที่รวดเร็วหนักหน่วงบีบคั้นทั้งร่างกาย และจิตใจ ด้วยความตั้งใจไม่ใช่เป็นการแกล้งเพื่อเอาความสนุก แต่ทำไปเพื่อให้นักเรียนใหม่เข้าใจ การจำลองบรรยากาศ และวิถีแห่งอาชีพที่เป็นจริงของการเป็นนายทหาร ตำรวจ ดั่งคำว่ากว่า

"จะเป็นนายทหารนายตำรวจที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมสำหรับการป้องกันประเทศ และรักษาความสงบของประชาชนนั้น ต้องผ่านกระบวนการมากมาย และเตรียมทหาร ก็คือจุดเริ่มต้นแห่งความเป็นลูกผู้ชายที่มุ่งมั่นตามแบบอย่างที่เขาใฝ่ฝัน"

เป็นเวลานับห้าทศวรรษในภารกิจปกครองบังคับบัญชา และให้การศึกษาอบรม นักเรียนเตรียมทหาร เพื่อให้เป็นผู้มีคุณสมบัติ และทัศนคติพื้นฐาน พร้อมที่จะพัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำในอนาคตต่อไป

สกู๊ป หนังสือพิมพ์แนวหน้า

ชำนาญ ไชยศร
SCOOP@NAEWNA.COM

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

"เราสร้างความเป็นชายชาตรีผ่านความกดดัน บีบคั้นทั้งทางกาย และจิตใจ เรามีการตรวจความเรียบร้อยของร่างกายตลอดเวลา ขณะเดียวกันเราก็ปลูกฝังคุณลักษณะที่ดีของสุภาพบุรุษ และมารยาทในโอกาสต่างๆ และต้องลงมือให้กระทำด้วยตนเอง เพื่อกลายเป็นนิสัยประจำวัน"
น่าสนใจมาก ๆ เลย [^.^] แต่ไม่รู้ว่ามันยากไปรึป่าว

แสดงความคิดเห็น